ผู้เขียน หัวข้อ: คีย์การ์ด รับสกรีนคีย์การ์ด รับพิมพ์บัตร keycard 081-374-5428 06-1424-4451  (อ่าน 292 ครั้ง)

Kittipong99010

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2231
    • ดูรายละเอียด

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบัตรสมาร์ทการ์ด


บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic) เป็นเทคโนโลยีไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่สุด ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเครื่องถอนเงินด่วน (ATM) เป็นต้น การใช้งานต้องรูดบัตรกับหัวอ่าน หัวอ่านมีราคาถูก แต่มีความสึกหรอจากการรูดบัตร และบัตรอาจถูกทำสำเนาได้ บัตรที่ทำด้วยกระดาษมีราคาถูกมาก ซึ่งถูกนำมาใช้งานในระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการให้มีต้นทุนของบัตรโดยสารต่ำ



เทคโนโลยีบัตรแถบแม่เหล็กถูกนำมาใช้เป็นกุญแจบัตร (Key Card) ที่ใช้สำหรับระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ในยุคแรก ได้มีการนำมาใช้เป็นบัตรประจำตัวพนักงานและใช้สำหรับบันทึกเวลาเข้า-ออกงานด้วย ในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้กำลังจะล้าสมัย เนื่องจากมีข้อด้อยในด้านความปลอดภัยข้อข้อมูล ข้อมูลมีการสูญหายจากสัญญาณรบกวนได้ และไม่รองรับความต้องการต่างๆที่เพิ่มขึ้นได้ดี




บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน (Contactless) เป็นแบบบัตรพร็อกซิมิตี้คือหัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่างได้ มีระยะอ่านบัตรได้ไกลขึ้นและมีความสามารถอื่นๆมากขึ้น บัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้เป็นที่นิยมมากขึ้น มีความปลอดภัยมาก การทำสำเนาบัตรทำไม่ได้ สามารถเก็บข้อมูลได้บนบัตรสำหรับการใช้งานที่จำเพาะ บัตรสมาร์ทการ์ดมีหลายประเภท ส่วนหนึ่งได้ถูกรับรองให้เป็นมาตรฐาน ISO เช่น ISO 14443 Type A (Mifare) เป็นต้น ซึ่งทำให้มีผู้จำหน่ายเป็นจำนวนมาก ไม่เกิดการผูกขาด และเป็นผลให้มีราคาถูกลงเรื่อยๆ ราคาของบัตรขึ้นกับความจุข้อมูลบนบัตรและความสามารถอื่นๆของบัตร




บัตรพร็อกซิมิตี้ (Proximity) หัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่าง 2-5 ซม.ได้ หัวอ่านไม่มีการสึกหรอ ผู้ใช้เพียงทาบบัตรใกล้กับหัวอ่าน จึงเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานของผู้ใช้ บัตรมีหลายชนิดตามบริษัทผู้ผลิต ไม่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนบัตรได้ มีทั้งที่เป็นเทคโนโลยีปิดที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น (แต่มีการผูกขาดจากผู้จำหน่ายราย/ยี่ห้อเดียว) ส่วนที่เป็นเทคโนโลยีเปิด (EM Card) ราคาถูกกว่าเนื่องจากมีผู้ผลิตได้หลายราย ซึ่งอาจมีการทำสำเนาบัตรได้

บัตรชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม RFID (Radio Frenquency Identification) ภายในบัตรพลาสติกมีชิปอิเล็กทรอนิกส์และเสาอากาศบรรจุอยู่ซึ่งได้รับพลังงานจากหัวอ่านบัตร ทำงานที่ย่านความถี่ 125 KHz ซึ่งมีใช้กันแพร่หลายมาเป็นเวลานาน และมีผู้ผลิตเลียนแบบเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นบัตรที่มีข้อมูลสำหรับอ่านเพียงอย่างเดียว (Read-Only) ได้มีการใช้ความถี่ในย่านที่สูงขึ้นคือ 13.56 MHz เพื่อเพิ่มจำนวนข้อมูลและความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูล มีผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบผ่านเข้าออกประตูที่นำบัตรพร็อกซิมิตในย่านความถี่ 13.56 MHz ที่เป็นเทคโนโลยีปิดมาจำหน่าย แต่ยังไม่ได้รับรองให้เป็นมาตรฐานสากล ส่วนใหญ่บัตรประเภทนี้จะใช้งานภายในองค์กร (Closed-Loop) ไม่มีการทำงานร่วมกันกับภายนอก มีผู้ผลิตบัตรพิเศษที่ผสมระหว่างบัตรแถบแม่เหล็กและบัตรพร็อกซิมิตี้เพื่อไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เก่าในระบบทั้งหมด และยังมีการทำบัตร (ป้าย) ให้อยู่ในรูปพวงกุญแจด้วย






บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดสัมผัสกับหัวอ่าน (Contact) มีความสามารถเหมือนบัตรสมาร์ทการ์ดข้างต้น แต่การใช้งานต้องเสียบบัตรเข้ากับหัวอ่าน ซึ่งทำให้มีขั้นตอนที่เสียเวลาเพิ่มขึ้น  จึงไม่เหมาะสมกับการใช้ผ่านเข้าออกที่ต้องการความรวดเร็ว ข้อดีของบัตรชนิดนี้คือบัตรมีความจุข้อมูลที่มากขึ้น ราคาของบัตรขึ้นอยู่กับความสามารถและขนาดหน่วยความจำ บัตรชนิดสัมผัสมีความสามารถอื่นๆได้มากกว่าบัตรชนิดไม่สัมผัส  ได้แก่ ความสามารถในการป้องกันข้อมูลในแบบมาตรฐานกุญแจรหัส (Public Key Infrastructure, PKI) ที่ให้ระดับความปลอดภัยในขั้นสูง และสามารถบรรจุโปรแกรมประยุกต์ (Application) ลงในบัตรได้ เป็นต้น

เนื่องจากบัตรชนิดนี้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องแหล่งจ่ายพลังงานเหมือนบัตรชนิดไม่สัมผัส จึงมีหน่วยความจำได้มากขึ้น สามารถเก็บข้อมูลพื้นฐานที่เป็นประโยชน์เพื่อเรียกดูได้ทันที เช่น รูปถ่าย ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลลายนิ้วมือ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ การยืนยันตัวบุคคล (Authentication) โดยใช้ข้อมูลต่างๆภายในบัตรจะเป็นมาตรฐานในการทำธุรกรรมทางด้านพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) หัวอ่านบัตรมีราคาถูกและได้ถูกประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ เพื่อใช้บัตรสมาร์ทการ์ดในการล็อกออน์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวคือใช้แทนลายเซ็นนั่นเอง บัตรประจำตัวประชาชนใหม่ของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้





บัตรวิซินนิตี้ (Vicinity) เป็นบัตรสามาร์ทการ์ดชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน ระบบสามารถอ่านบัตรในระยะห่างถึง 3 เมตรได้ ปัจจุบันเป็นมาตรฐาน ISO เช่นกัน แต่บัตรและหัวอ่านยังมีราคาสูงมากอยู่ บัตรประเภทนี้มีข้อจำกัดในด้านหน่วยความจำบนบัตร มักถูกนำมาใช้งานด้านไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่เป็นออน์ไลน์ (On-line) คือต้องทำการประมวลผลที่ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง ซึ่งต่างจากบัตรสามาร์ทการ์ดข้างต้นที่รองรับงานที่เป็นออฟ์ไลน์ (Off-line) ได้เป็นอย่างดี

ได้มีการพัฒนาให้รหัสสินค้าในรูปบาร์โค้ดมาตรฐาน (Universal Product Code, UPC) มาอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Product Code, EPC) ซึ่งมีพื้นฐานจากเทคโนโลยีนี้ มีห้างสรรพสิ้นค้าในต่างประเทศที่ลูกค้าไม่ต้องหยิบสินค้าออกจากรถเข็น แล้วเครื่องอ่านสามารถอ่านรหัสสินค้าทุกชิ้นเพื่อคำนวนราคาที่ได้ภายในเวลาเพียงเป็นวินาที
Cr.www.si.mahidol.ac.th

สนใจติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ : taladcard
Facebook : Taladcard รับทำบัตรพลาสติก บัตรพนักงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Fan Page :Taladcard รับทำบัตรพลาสติก บัตรพนักงาน ข้อมูลเพิ่มเติม
Website: www.taladcard.com ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Contact noi 081-374-5428 06-1424-4451
Fanpage : keycard/]บัตรพนักงาน สายคล้องบัตร Taladcard.ัCom[/url]

website:www.taradcard.com
idline:noituenjai
lineadd : taladcard[/b]

Tags : คีย์การ์ด,keycard,บัตรคีย์การ์ด

 

Sitemap 1 2 3