โรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hypertrophy-BPH)โรคต่อมลูกหมากโตเป็นอย่างไร ต่อมลูกหมาก (prostate gland) เป็นต่อมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้ชาย อยู่ตรงด้านหลังของคอกระเพาะปัสสาวะในอุ้งเชิงกรานหลังกระดูกหัวหน่าว มีรูปร่างคล้ายลูกเกาลัด ต่อมมี 5 กลีบ หนักราวๆ 20 กรัม (ขนาดเท่าผลลิ้นย่าง) มีบทบาทสร้างน้ำเมือก (ซึ่งเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง ของน้ำอสุจิ) เพื่อให้ตัวสเปิร์มว่ายและก็กินเป็นของกิน โดยปกติต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญวัยภายหลังจากอายุ 20 ปี ตราบจนกระทั่งอายุประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกรอบ แล้วก็เป็นจุดเริ่มของโรคต่อมลูกหมากโต
โรคต่อมลูกหมากโตถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่น่าไม่สบายใจของคุณสุภาพบุรุษทั้งหลาย โดยทั่วไปผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะเบาๆโตขึ้น ว่ากันว่าชายชรา 2 ใน 5 คนจะมีลักษณะชิ้งฉ่องแตกต่างจากปกติ อาการดังที่กล่าวถึงแล้วมีสาเหตุจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่โอบล้อมท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้นรวมทั้งไปบีบท่อเยี่ยวให้แคบลง
และยังมีรายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยหลายๆชิ้นสรุปว่า ในเพศชายที่แก่ 50 ปีขึ้นไป มักตรวจพบโรคต่อมลูกหมากโต เพราะเหตุว่าความผิดแปลกทางด้านขนาดและปริมาณเซลล์ต่อมลูกหมาก เมื่อขนาดของต่อมลูกหมากโตขึ้น จะมีผลกระตุ้นให้เกิดการอุดกันของระบบฟุตบาทฉี่ ชิ้งฉ่องบ่อยครั้ง ตรากตรำ จำเป็นต้องเบ่งเป็นระยะเวลานาน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ในที่สุดอาจชิ้งฉ่องไม่ออก รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับของลับไม่แข็ง แนวทางการทำงานของต่อมลูกหมากอาศัยการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศชายซึ่งส่วนมากสร้างจากอัณฑะ ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้ยังเกี่ยวโยงกับการกระตุ้นการโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย โดยความผิดแปลกของต่อมลูกหมากที่พบได้มากในชายไทย คือ โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia; BPH) มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) และก็ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatis) จำนวนร้อยละ 80 18 และก็ 2 ตามลําดับ โดยโรคต่อมลูกหมากโตนี้ เป็นโรคพบได้บ่อยมากของเพศชายวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยพบได้โดยประมาณ 30-40% ของผู้ชายวัย 50-60 ปี และก็เมื่ออายุ 85 ปีจะพบโรคนี้ได้สูงถึง 90% โรคนี้เจอได้ในผู้ชายทั่วทั้งโลก ทุกเชื้อชาติ
ต้นเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต ในปัจจุบัน ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แจ่มแจ้งของการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต แต่หมอเชื่อว่า เมื่อชายเฒ่าขึ้นจะมีผลต่อการผลิตกรุ๊ปฮอร์โมนเพศชายจากอัณฑะที่ชื่อ แอนโดรเจน (Androgen) ก็เลยทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายชนิดต่างๆโดยเฉพาะระหว่างฮอร์โมน เทสโทสสเตอโรน (Testosterone) กับฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสสเตอโรน () (DHT) ซึ่งภาวะนี้ทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากมีการเติบโตเปลี่ยนไปจากปกติได้ ที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต
ฮอร์โมนที่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุของโรคต่อมลูกหมากโตที่มา : Wikipediaนอกนั้นยังสันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นเนื่องจากพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีลักษณะออกจะร้ายแรงในกลุ่มของผู้คนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งต้องรับการดูแลรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
นอกนั้นยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีลักษณะออกจะร้ายแรงในฝูงคนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจำต้องรับการรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโต ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโตนั้น เกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จะไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อท่อปัสสาวะ และก็เมื่อต่อมฯยิ่งโตขึ้น ก็จะกดเบียดทับ หรือเบียดรัดบริเวณท่อฉี่ จึงส่งผลให้ท่อปัสสาวะตีบแคบลง จนถึงอาจอุดตัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวอาการของโรคต่อมลูกหมากโต ก็คือ
- ลุกขึ้นยืนถ่ายปัสสาวะเวลาดึกมากกว่า 1 - 2 ครั้ง
- สายฉี่ไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหลๆหยุดๆ
- เกิดความรู้สึกว่าการขับถ่ายฉี่เกิดเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
- ไม่สามารถที่จะกลั้นฉี่ได้ ต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดท้องเยี่ยว
- ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถเยี่ยวออกมาได้
- รู้สึกเยี่ยวไม่สุด ทำให้ต้องการเยี่ยวอยู่เรื่อยๆ
- ฉี่บ่อยมาก ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง
และก็ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเยี่ยวเป็นเลือด เพราะเหตุว่าเบ่งถ่ายนานๆอาจส่งผลให้เส้นเลือดดำที่ท่อฉี่คั่ง แล้วแตกจนมีเลือดออกมาได้ ทั้งนี้โรคต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้แก่ เยี่ยวไม่ออกเลย ฟุตบาทฉี่อักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม เยี่ยวเป็นเลือด เป็นต้น ซึ่งอาจเจอได้ไม่เกินปริมาณร้อยละ 20 ของคนเจ็บต่อมลูกหมากทั้งสิ้น
ขั้นตอนการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต การตรวจวิเคราะห์ผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโต- แนวทางซักความเป็นมา หลายครั้งแพทย์ให้คนป่วยทำแบบสำรวจ (IPSS) เพื่อประเมินความร้ายแรงของความไม่ปรกติของการฉี่
- การตรวจทวารหนักเพื่อลูบคลำต่อมลูกหมาก เพราะว่าต่อมลูกหมากอยู่ภายในร่างกาย ด้วยเหตุนั้น การใช้นิ้วทาสารหล่อลื่นลูบคลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนักจะเป็นวิธีการตรวจร่างกายที่ง่ายที่สุดสำหรับเพื่อการประเมินถึงลักษณะทางภายกายภาพของต่อมลูกหมาก แล้วก็ที่สำคัญยังสามารถบอกได้ถึงความแตกต่างจากปรกติที่สงสัยมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยโดยถ้าเกิดพบว่ามีลักษณะโต ผิวเรียบหมายความว่าเป็นต่อมลูกหมากโตธรรมดา แม้กระนั้นหากมีลักษณะโตผิวไม่เรียบหรือออกจะแข็ง น่าสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- การตรวจฉี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และก็จำเป็นต้องทำในผู้เจ็บป่วยทุกราย เพื่อมองว่ามีการอักเสบติดโรค มีเม็ดเลือดเปลี่ยนไปจากปรกติหรือไม่ และก็ยังเป็นการบอกถึงความไม่ดีเหมือนปรกติของร่างกายในระบบอื่นได้
- การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA (prostatic specific antigen) ซึ่งจะตรวจต่อเมื่อผู้เจ็บป่วยมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง และก็น่าจะมีชีวิตยืนยาวมากยิ่งกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจากมะเร็งต่อมลูกหมากช่วงแรก มีลักษณะท่าทางจะโตรวมทั้งขยายช้าโดยแพทย์จะตรวจหาเอนไซม์ในเลือด ชื่อ พี.เอส.เอ (PSA : Prostate Specific Antigen) ซึ่งมีค่าปกติราว 0 - 4 ng/ml (ที่นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) รวมทั้งถ้าเกิดพบว่าผลเลือดสูงขึ้นมากยิ่งกว่าธรรมดา แพทย์จะชี้แนะให้ตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมาก โดยใช้เข็มเล็กๆผ่านทางทวารหนัก และก็นำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์ว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือเปล่า
- การตรวจอัลยี่ห้อซาวน์ ส่วนใหญ่มักใช้เมื่อมีความผิดธรรมดาในการตรวจฉี่ แม้กระนั้นตอนนี้เป็นที่ชื่นชอบส่งไปทำการตรวจกันมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องมาจากไม่เป็นอันตรายและก็ให้ประโยชน์สูง
- การตรวจความแรงในการไหลของฉี่ (Uroflowmetry) มักจะร่วมกับการตรวจฉี่ที่เหลือค้างภายหลังจากปัสสาวะหมดแล้ว เป็นประโยชน์ในการประเมินความรุนแรงและก็ติดตามการดูแลรักษา
- การตรวจอื่นๆอย่างเช่น การส่องกล้อง การตรวจยูโรพลศาสตร์จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ที่แจ้งชัด
การดูแลและรักษาโรคต่อมลูกหมากโตบางทีอาจจำเป็นต้องใช้หลายๆแนวทางร่วมกัน แต่ว่าโดยหลักๆแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 3 วิธีดังนี้การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา การผ่าตัด ซึ่งมีรายละเอียดคือ
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน: โดยแพทย์จะเลือกใช้กรรมวิธีนี้ในกรณีคนป่วยมีอาการจากโรคต่อมลูกหมากโตออกจะน้อย และก็ลักษณะของคนเจ็บยังไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย โดยการปรับพฤติกรรมฯ คือการลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อาการผู้เจ็บป่วยห่วยลง อาทิเช่น
- หลบหลีกการดื่มเครื่องดื่มอย่างต่ำ 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน แนวทางนี้จะช่วยลดการปวดท้องฉี่ในกลางคืนได้ แต่ก็ไม่ควรอดหรือลดจำนวนการกินน้ำในทุกวัน
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หรือลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะและทำให้อาการกำเริบ
- บริหารร่างกาย มีการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างต่ำวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยให้อาการดีขึ้น
- จำกัดการกินยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาทั้ง 2 จำพวกจะทำให้เยี่ยวได้ลำบาก เพราะยาจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อรอบๆท่อฉี่ที่ควบคุมการไหลของเยี่ยวหดตัว
- กินอาหารที่มีประโยชน์ การกินอาหารที่ดีมีสาระจะช่วยในเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก ทำให้ความเสี่ยงโรคอ้วนน้อยลงซึ่งเกี่ยวของกับโรคต่อมลูกหมากโต
- ฝึกฝนการเข้าสุขา การเข้าห้องอาบน้ำทุกๆ4-6 ชั่วโมงเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้มากในกลุ่มคนเจ็บที่ปัสสาวะบ่อยมากและไม่สามารถกลั้นได้
- เยี่ยวทีละ 2 ที เพื่อไม่ให้ฉี่เหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะส่งผลให้เกิดลักษณะของการปวดเยี่ยวรวมทั้งเยี่ยวบ่อยครั้ง เช่น เมื่อฉี่ไปแล้ว ให้รออีกประมาณ 5 นาที แล้วเยี่ยวซ้ำอีกที ระหว่างรอคอย อาจแปลงท่า ตัวอย่างเช่น ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
- ทำฝึกฝนความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน(ฝึกหัดขมิบก้นเพื่อกลั้นเยี่ยว วิธีฝึกเหมือนกันกับที่สตรีฝึกขมิบช่องคลอด) ตามหมอ/พยาบาลเสนอแนะอย่างเคร่งครัด
- เมื่อจะต้องออกจากบ้าน ควรจะคิดแผนหัวข้อการฉี่(การใช้ห้องสุขา)ไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อกำเนิดความสะดวกสำหรับในการปัสสาวะ
- การใช้ยาต่างๆ: ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ในคนป่วยที่ใช้กรรมวิธีการปรับพฤติกรรมฯไม่ได้เรื่อง หรือในคนไข้ที่ตั้งเดิมทีมีอาการรุนแรงระดับปานกลาง หรือมีลักษณะอาการที่มีผลต่อการใช้ชีวิติทุกวัน ซึ่งยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต ในปัจจุบันมีอยู่ราว 2-3 ชนิด บางชนิดเป็นยาลดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บีบรัดท่อปัสสาวะ บางประเภทมีคุณประโยชน์ลดขนาดต่อมลูกหมาก รวมทั้งบางจำพวกเป็นสมุนไพรที่สกัดขึ้นเพื่อลดอาการบวม หมอจะเป็นผู้พิจารณาการให้ยาตามความเหมาะสมซึ่งยาที่ใช้รักษาลักษณะโรคต่อมลูกหมากโต สามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มดังต่อไปนี้ ยาในกรุ๊ปอัลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha adrenergic blockers) ซึ่งยุคเก่าจะใช้เป็นยาลดระดับความดัน แต่ว่าเดี๋ยวนี้ได้พัฒนาต่อจนถึงมีผลต่อความดันเลือดน้อยมาก ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็ว ผู้เจ็บป่วยจะรู้สึกเยี่ยวสบายขึ้นข้างใน 3 วัน แต่ถ้าหยุดยารวมทั้งอาการก็จะกลับมาอย่างเร็ว ยาในกลุ่มนี้จะใช้กันแพร่หลายที่สุด พราโซสิน (prazosin) เทราโซสิน (tera-zosin) ดอกซาโซสิน (doxazosin) ยาที่ยั้งการผลิตฮอร์โมน (DHT) (Dihydrotestosterone) ยาในกลุ่มนี้จะลดการผลิตฮอร์โมน DHT ซึ่งต้องต่อการเติบโตของต่อมลูกหมาก แม้ว่าจะออกฤทธิ์ช้า แต่ว่าสามารถลดขนาดของต่อมลูกหมากได้ในระดับหนึ่ง จะมีสาระเฉพาะผู้เจ็บป่วยที่มีต่อมลูกหมากค่อนข้างจะโต ไฟท้องนาสเตอไรด์ (fina-steride) ยาสมุนไพร มีอยู่หลากหลายประเภท สำหรับประเภทที่แพร่หลายที่สุดหมายถึงจากสมุนไพรชื่อ Saw palmetto แม้กระนั้นประสิทธิภาพยังไม่กระจ่างนัก
- การผ่าตัด: แพทย์จะเลือกใช้ขั้นตอนการนี้เมื่อผู้ป่วยใช้ยาแล้วไม่ได้ผล โดยการผ่าตัดมีหลายแนวทาง ขึ้นกับ อาการ สุขภาพคนไข้ สิ่งที่ต้องการของคนป่วยแล้วก็ครอบครัว แล้วก็ดุลพินิจของหมอ ใน ตอนนี้นิยมผ่าตัดโดยการใช้กล้องถ่ายภาพส่องผ่านท่อฉี่ (transurethral resection of the prostatic หรือ TURP) เป็นการผ่าตัดเป็นแนวทางรักษาโดยขูดต่อมลูกหมากด้วยกล้องถ่ายรูปผ่านทางท่อฉี่ หรือที่เพื่อตัดต่อมลูกหมากมายออกเป็นชิ้นเล็กๆที่สามารถทำเป็นโดยหมอฟุตบาทฉี่ หรือศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแค่นั้น ในระหว่างผ่าตัดคนเจ็บจะได้รับการวางยาเฉพาะข้างล่าง ทำให้ไม่เคยทราบสึกเจ็บ ในระยะ 3 - 4 วันแรกหมอจะใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อกระเพาะปัสสาวะได้พัก และคอยให้เยี่ยวใสเสียก่อนจึงจะเอาสายสวนปัสสาวะออก ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะดีขึ้นภายใน 2 - 4 อาทิตย์ วิธีการแบบนี้แพทย์จะใช้กับผู้ป่วยที่มีลักษณะหนัก หรือมีภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังมีแนวทางอื่นๆอีกดังเช่น การใช้คลื่นความร้อน อย่างเช่น ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ หรือเลเซอร์ ผ่านเข้าไปที่ต่อมลูกหมาก เพื่อทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อและก็เล็กลง ซึ่งเป็นแนวทางที่แพทย์เลือกใช้ในรายคนไข้ที่ไม่เหมาะสมกับการผ่าตัดรวมถึงวิธี การขยายท่อปัสสาวะโดยการใส่ท่อค้างไว้ (prostatic urethral stent) ซึ่งเหมาะกับคนป่วยที่ผ่าตัดมิได้ หรือปฏิเสธการผ่าตัด
ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อเกิดโรคต่อมลูกหมากโต- ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมีปัญหาหรือเคยป่วยด้วยโรคต่อมลูกหมากโต
- คนที่มีความผิดธรรมดาของอัณฑะ
- ผู้มีภาวการณ์น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
- ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคหัวใจและเบาหวาน
การติดต่อของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายหลายๆประเภท ซึ่งจะมีผลให้เซลล์ของต่อมลูกหมากเจริญวัยไม่ปกติ มักกำเนิดในผู้ชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งโรคต่อมลูกหมากโตนี้ มิได้เป็นโรคติดต่อและไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน และจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต- ฝึกปัสสาวะให้ตรงเวลา ได้แก่ ทุก 3 ชั่วโมง และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆปรับช่วงเวลาตามอาการเพื่อป้องกันการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ฉี่ทีละ 2 คราว เพื่อไม่ให้ฉี่เหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะทำให้มีการเกิดอาการปวดเยี่ยวและฉี่หลายครั้ง อาทิเช่น เมื่อเยี่ยวไปแล้ว ให้รอคอยอีกราว 5 นาที แล้วฉี่ซ้ำอีกที ระหว่างรอ อาจเปลี่ยนแปลงท่า อย่างเช่น ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
- กระทำการฝึกหัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการฝึกหัดขมิบตูด/ขมิบเพื่อกลั้นฉี่
- ดื่มน้ำในวันแล้ววันเล่าให้พอสมควร อย่าให้มากเกินไป
- ลด หรือเลิกดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีน
- ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกประเภท
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางประเภทที่จะทำให้อาการคนไข้ห่วยแตกลง ดังเช่นว่า ยาขับฉี่ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาโรคเซื่องซึม
- การกินของกินมีประโยชน์ 5 กลุ่มให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกวี่วันในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการออกกำลังกายตามสมควรกับสุขภาพแต่ละวัน เพื่อการควบคุมน้ำหนัก และไม่ให้กำเนิดโรคอ้วน
- เมื่อจะต้องออกจากบ้าน ควรจะวางแผนประเด็นการใช้ส้วมไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อกำเนิดความสะดวกสำหรับเพื่อการเยี่ยว
- รักษาร่างกายให้อบอุ่น อากาศที่หนาว จะก่อให้อาการแย่ลง
- ระวังอย่าให้ท้องผูก
การปกป้องตัวเองจากโรคต่อมลูกหมากโต ตอนนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ช่วยคุ้มครองป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริงเพราะเหตุว่ายังไม่เคยรู้ต้นเหตุที่แจ่มแจ้งของโรคนี้ รวมทั้งความเสี่ยงต่อโรคที่สำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขได้นั้นก็คืออายุที่มากขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าววิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือเพศชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรจะได้รับการตรวจต่อมลูกหมากบ่อยๆทุกปี และควรจะหมั่นดูความผิดแปลกของระบบฟุตบาทปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น หากมีลักษณะอาการฉี่ลำบาก จะต้องใช้แรงเบ่งนานๆฉี่ไม่พุ่ง ช่วงเวลากลางคืนจำต้องลุกขึ้นมาฉี่ บ่อย หรือเยี่ยวเป็นเลือด ก็ควรจะไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยต้นเหตุให้ชัดเจน เมื่อพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโตก็ควรกินยารักษา หรือกระทำการผ่าตัดปรับแก้ตามคำแนะนำของหมอ
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคต่อมลูกหมากโต พืชสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยทางสถานพยาบาลว่ามีฤทธิ์รักษาโรคต่อมลูกหมากโตเป็นต้นว่า มะเขือเทศ แล้วก็ฟักทอง โดยให้ผู้เจ็บป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าอยู่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มต้นรับประทานซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) วันละ 50 กรัม (มี lycopene อยู่ 13 มก.) ติดต่อกัน 10 สัปดาห์พบว่า ส่งผลทำให้ค่า prostate-specific antigen (PSA) ในเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะต่อมลูกหมากโตลดน้อยลง แล้วก็การศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกโดยให้คนไข้รับประทานแคปซูลสารสกัดเมล็ดฟักทองขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน ส่งผลทำให้ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตมีลักษณะอาการ เมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน 12 สัปดาห์
มะเขือเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum lycopersicum สกุล Solanaceae มีหลายการเล่าเรียนพบว่าไลวัวพีนในมะเขือ เทศสามารถลดระดับ PSA และก็คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยผ่านกลไกการทำงานต่างๆอย่างเช่น การลดการ กำเนิด lipid oxidation ต้านอนุมูลอิสระ และ ลดการสังเคราะห์ 5- alpha dihydrotestosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก รวมทั้งยังพบว่าการบริโภคไลวัวพีนจากสินค้า มะเขือเทศซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ลูกค้าหรูหราไลโคพีนในเลือดสูงขึ้นจะสามารถลดระดับ PSA ในคนป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ Schwarz และก็คณะ (2008) เรียนในคนไข้
โรคต่อมลูกหมากโต (PSA > 4 mg/L) บริโภคไลโคพีนวันละ 15 mg นาน 6 เดือน พบว่าสามารถคุ้มครองต่อมลูกหมากโตได้เมื่อตรวจทางทาวรหนักรวมทั้งการตรวจอัลตราซาวด์รวมทั้งระดับ PSA ลดลงจำนวนร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก (placebo) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) และกระบวนการทำแบบสอบถามลักษณะของต่อมลูกหมากฉบับนานาชาติ (International Prostate Symptom Score; IPSS) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลโคพีนมีลักษณะของต่อมลูกหมากดียิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนที่จะมีการเล่าเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการเรียนในคนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตที่มีความเสี่ยงมากถึงปริมาณร้อยละ 80 ที่จะเป็นโรคโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในอนาคต (High Grade Prostatic Intraepithelial Neoplasia; HGPIN) โดยกลุ่มทดลองที่ได้รับไลโคพีนวันละ 8 mg สม่ำเสมอแต่ละวันนาน 1 ปี (20 คน) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม (20 คน) พบว่ากลุ่มที่ได้รับไลโคพีนมีระดับ PSA ลดน้อยลง จาก 6.07 mg/L เป็น 3.5 mg/L คิดเป็นจำนวนร้อยละ 42 แล้วก็มีไลวัวพีนในเลือดมากขึ้นจาก 360 เป็น 680 mg/L แล้วก็เมื่อหมดการศึกษาพบว่ากลุ่มทดลองมีผู้เจ็บป่วยจำนวน 2 คนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะผู้ป่วยกลุ่มควบคุมปริมาณ 6 คนที่ไม่ได้รับประทานอาการที่มีไลโคพีน (มะเขือเทศ แตงโม) ตลอดตอนสำนักงานศึกษาหรูหรา PSA เพิ่มสูงมากขึ้น และผู้ที่มีระดับไลวัวพีนในเลือดน้อยลงกลับเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าการบริโภคไลโคพีนนาน 1 ปีสามารถคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้
ฟักข้าว มีชื่อสามัญว่า Spring bitter cucumber ชื่อวิทยาศาสตร์หมายถึงMomordica Cochinchinensis Spreng. ฟักข้าว เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไลโคป่ายปีน และสารพฤษเคมีอื่นๆในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดังเช่นว่า เบต้า-แคโรทีน สูงกว่าแครอท 10 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 40 เท่า มีซีแซนทีนมากกว่า ข้าวโพด 40 เท่า อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ กรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และโอเมก้า-9 ช่วยเสริมฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง และการไหลเวียนของเลือด รวมทั้งในฟักข้าว มีไลโคไต่ จำพวกพิเศษ เรียกว่า ไลโปแคโรทีน (Lipocarotene) เป็นกรดไขมันสายยาวที่ช่วยจับแคโรทีน จึงช่วยดูดซึมแคโรทีน ฟักข้าว จึงเป็นแหล่งของไลโคปีนป่าย ที่เยี่ยมที่สุด ไลวัวป่ายปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ด้านการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยลดโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในเพศชาย โดยต่อมลูกหมาก คือต่อมที่สร้างน้ำเลี้ยงน้ำอสุจิ ต่อมลูกหมากตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายอายุสูงมากขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดลง นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ในต่อมลูกหมาก แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น ต่อมลูกหมากจึงโตขึ้น และถ้ามีการอักเสบร่วมด้วยก็จะมีโอกาสเกิดมะเร็ง ได้สูงมากขึ้น ไลวัวไต่ จะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยให้เซลล์ของมะเร็งฝ่อตาย รวมทั้งลด การแบ่งเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย
หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Orthosiphon stamineus Benth. สกุล : Labiatae หรือ Lamiaceae สรรพคุณต้นหญ้าหนวดแมว ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้การหลั่งฉี่เพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้น ในแบบเรียนยาหลายฉบับเอ่ยถึงสรรพคุณต่างๆตัวอย่างเช่น ตำราเรียนยาใช้ใบ แล้วก็ลำต้นการรักษา แล้วก็ป้องกันโรคทางเท้าปัสสาวะ ลำต้น ใช้ทั้งแบบสดหรือแบบแห้ง ด้วยการต้มดื่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นชายชราที่ช่วยแก้โรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งแก้ไขปัญหาปัสสาวะติดขัด รวมทั้งมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับกรดยูริก
เถาวัลย์เปรียง ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth ชื่อสกุล Papilionaceae สรรพคุณ: ตำราเรียนยาพื้นบ้าน: ใช้เถา ขับฉี่ แก้กษัยเหน็บชา ถ่ายกษัย แก้เส้นเอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่อุจจาระ ทำให้เอ็นอ่อนลง ขับเยี่ยว แก้ปัสสาวะพิการ
กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae สรรพคุณ: ตำราเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา การเล่าเรียนทางคลินิก: ลดระดับความดันเลือด ยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินเยี่ยว ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ชิ้งฉ่องสบายขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบเวลาฉี่น้อยลง ต้นแบบแล้วก็ขนาดวิธีการใช้ยา: ขับฉี่ ใช้สมุนไพรแห้ง บดเป็นผุยผง 3 กรัม (หรือ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือจนกว่าอาการจะหาย
เอกสารอ้างอิง - โรคต่อมลูกหมายโต .สมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- Mohanty NK, Saxena S, Singh UP, Goyal NK, Arora RP. Lycopene as a chemopreventive agent in the treatment of high-grade prostate intraepithelial neoplasia. Urol Oncol Sem Orig Invest 2005;23:383-385
- สมุนไพรตัวไหนบ้างที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต.กระดานถาม-ตอบ.สำรักงานสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- รศ.นพ.สุรเกียรติอาชานานุภาพ.ต่อมลูกหมากโต.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่345.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.มกราคม.2551
- รศ.นพ.อนุพันธ์ ตันติวงศ์.ต่อมลูกหมากโต.ภาวิชาศัลย์ศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.
- ต่อมลูกหมากโต-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/
- Wei MY, Giovannucci EL. Lycopene, tomato products, and prostate cancer incidence: A review and reassessment in the PSA screening era. J Oncol 2012:2012:1-7. (doi: 10.1155/2012/271063)
- เอมอร.ชัยประทีป.ผลของมะเขือเทศที่อุดมไปด้วยไลโคพีนในโรคต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก.คอลัมน์นิพนธ์ปริทัศน์.นิตยสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ.ปีที่10.ฉบับที่3.กรกฎาคม-กันยายน.2558.